วันอังคารที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ผ่าน ตาก ลองแวะ เขื่อนภูมิพล


เขื่อนภูมิพล เขื่อนเอนกประสงค์แห่งแรกที่สร้างแบบเขื่อนคอนกรีตรูปโค้งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้ในการผลิตไฟฟ้าเพื่อจ่ายให้หลายจังหวัด เป็นการสร้างกั้นแม่น้ำปิงที่ อ.สามเงา จ.ตาก


ร้านขายครกหิน -

ถนนเส้นตาก ลำปาง เป็นถนนสี่เลน ที่ตรง ยาว รถไม่มาก ขับสบาย ทำเวลาได้ดี ทุกครั้งเราจึงไม่ได้สนใจข้างทางเท่าไหร่ แต่ก็มีสิ่งที่สะดุดตาตลอดคือ ป้ายบอกทางไปเขื่อนภูมิพล
การเดินทางครั้งนี้เราไม่รีบเร่งอย่างที่เคย ผมพูดเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา เธอยินดีที่จะได้เข้าไปกินข้าวที่นั่นซักมื้อ
...
เวลาสิบโมงกว่าก่อนถึงแยกทางเข้าเขื่อนภูมิพล ข้างทางมีร้านขายครกหินหลายร้าน เราจอดรถเพื่อหาซื้อครกหินและสากซักชุด ช่วงนี้เริ่มทำกับข้าวกินเอง ตามประสามือใหม่อุปกรณ์ย่อมขาดแคลน เจอแหล่งผลิดแบบนี้ต้องอุดหนุนหน่อยครับ คุณพ่อทำอยู่ในบ้านข้างหลัง ลูกสาวเฝ้าหน้าร้านคอยขายของ



- เขื่อนแม่ปิงตอนล่าง -

เลี้ยวรถไปตามป้ายบอกทาง เรายังพูดคุยเรื่องจะใช้ครกหินทำกับข้าวอะไรดี ขับรถไปได้ซักพักก็เจอซุ้มใหญ่เขียนไว้ เขื่อนภูมิพล คร่อมถนนที่ตรงยาวไปสุดที่ภูเขาสูงใหญ่สีน้ำเงิน
...
เดินทางต่อ 18 กม. ยังไม่ถึงเขื่อนภูมิพล เราจะเจอ เขื่อนแม่ปิงตอนล่าง ก่อนซึ่งมีหน้าที่พักน้ำที่ปล่อยจากการผลิตไฟฟ้าของเขื่อนภูมิพลมาพักไว้ที่นี่เพื่อดูดกลับไปใช้ผลิตไฟฟ้าใหม่อีกครั้ง
...
ลงจากรถอากาศเย็นสบายถึงแม้เวลาจะเกือบเที่ยง เราชวนกันเดินถ่ายรูป สันเขื่อนไม่ใหญ่มาก น้ำใสและไม่ลึกมองลงไปเห็นก้อนหินเรียงรายอยู่ด้านล่าง น้ำไหลตลอดทำให้เกิดเสียง ไม่เงียบเกินไป เราชอบแบบนี้จัง


เดินต่อจนถึงท้ายเขื่อน มีสวนเฉลิมพระเกียติรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชครบ 50 ปี ต้นไม้ ดอกไม้จัดไว้อย่างสวยงาม ด้านหน้าเป็นสายน้ำ ด้านหลังเป็นภูเขา เรายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปอีกครั้ง



- เขื่อนภูมิพล -

ขับรถต่ออีก 2 กม. เป็นด่านทางเข้า เขื่อนภูมิพล มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำต่างๆ เราพูดคุย สอบถามได้ครับ
...
ขับรถเข้ามาด้านในมี สำนักงาน สวนดอกไม้ บ้านพัก ร้านอาหาร ตลาด  เรายังไม่แวะที่ไหน ตั้งใจขึ้นไปบนสันเขื่อนก่อนครับ
...
แม่น้ำปิงถูกกั้นโดยคอนกรีตรูปโค้งใหญ่ วางอยู่ระหว่างภูเขา ทรงพลัง แต่ก็มีความสวยงามอยู่ (เวลามองลงไปก็แอบเสียวเหมือนกันครับ สูงมาก) มองออกไปเห็นสายน้ำสีน้ำเงินกว้างชนแนวป่าและโขดหินสองฝั่ง


ใช้เวลาพอสมควรกับการพยายามเดินถ่ายรูปให้ได้ทุกมุม แต่ก็ต้องยอมแพ้ ต้องเดินกลับมาพักที่ร้านค้าสวัสดิการ เราซื้อไอศครีมมานั่งกินด้วยกัน ถึงแม้อากาศจะเย็น แต่การได้กินของหวานบนวิวสวยๆ ก็ถือว่าเป็นความสุขอีกอย่างครับ



- ร้านเฮือนภูแก้ว -

เนื่องจากใช้เวลาไปมากกว่าที่คิด จึงไม่ได้แวะที่ สวนดอกไม้สวยๆ หาซื้อของที่ตลาด แต่การกินข้าวซักมื้อยังต้องทำ (เราหิวมาก) มีหลายร้านอยู่ในนี้ เราเลือกร้านของเขื่อนเองคือ ร้านเฮือนภูแก้ว  บ้านสวยๆ ตั้งอยู่บนเนินที่จัดสวนไว้อย่างดี ลูกค้าไม่เยอะ เราเลือกนั่งมุมที่มองเห็นสวนกว้างที่สุด



การไป 2 คนจะลำบากเวลาเจออาหารที่น่ากินหลายๆ อย่าง พนักงานแนะนำให้ลองอาหารจานปลา เพราะที่นี่ปลาจากเขื่อนสดๆ รสชาติอร่อย เราสั่ง ผัดฉ่าปลารสชาติจัดจ้าน ปลาเนื้อแน่น ฉ่ำ นุ่ม สด และไข่เจียวสมุนไพรกรอบหอมกลิ่นสมุนไพร
...
เราเดินทางออกจากเขื่อนภูมิพลพร้อมรอยยิ้มที่กว้าง และเรื่องราวสำหรับพูดคุยได้ตลอดการเดินทาง ที่นี่ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อย่างล่องเรือดูเกาะวาเลนไทด์ ถ้ำโยคี พระธาตุแก่งสร้อย โรงเรียนลอยน้ำ ไปจนถึงดอยเต่า หรือจะพักค้างคืนก็มีบ้านพักครับ
...
เข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.bhumiboldam.egat.com ครับ

ปล. รูปภาพทั้งหมดถ่ายจากโทรศัพท์มือถือไม่ได้แต่ง สถานที่จริงสวยกว่ารูปภาพมาก และการเดินทางเราใช้วิธีเปิดแผนที่นำทางจากโทรศัพท์มือถือจึงไม่สามารถบอกทางโดยละเอียดได้ครับ

วันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2560

หนาวนี้ที่ ลำปาง ไปขึ้นเขา ไปไหว้พระ ไปอาบน้ำแร่


ลำปางหนาวมาก คำพูดที่ได้ยินบ่อยๆ  มาลำปางทริปนี้เราจึงพาไปทำกิจกรรมที่ทำให้อบอุ่นทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจครับ

ตั้ง 2 คืนนอนไหนดี -

ทริปนี้เราเน้นการพักผ่อนเต็มที่ ได้ตื่นสายๆ เดินทางสบายๆ กินช้าๆ ค่อยๆ ไปจึงวางแผนไว้เป็นแบบนอนค้าง 2 คืน

คืนแรกพักที่ ร่มไม้กรีนปาร์ค ห่างจากสนามบิน 5.2 กม. บรรยากาศร่มรื่น สงบ บริการดี ห้องพักสะอาด ส่วนมากเรื่องที่พักเราจะเน้นโรงแรมไม่ใหญ่เกินไป คนพักพอประมาณ ให้ความรู้สึกไม่แน่น ไม่วุ่นวายครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ www.rommaigreenpark.com


คืนที่สองพักที่ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน บ้านพักท่ามกลางธรรมชาติ มีหลายแบบทั้งหลังเล็กไปจนถึงหลังใหญ่ที่นอนได้เป็นคณะ บ้านแต่ละหลังผ่านมาหลายหนาว แปลเปลี่ยนไปตามธรรมชาติ แต่ก็ชดเชยด้วยธรรมชาติที่สวยงาม น้ำใจรักบริการของเจ้าหน้าที่ครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ Facebook : อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง


- จุดที่ 1 วัดพระธาตุลำปางหลวง -

ทริปนี้จะแปลกกว่าปรกติ คือ เรามาถึงลำปางตอนมืดแล้ว และตรงเข้าร่มไม้กรีนปาร์คเพื่อพักผ่อนก่อนเลย การเดินทางไกลทำให้ร่างกายล้ากว่าที่คิดครับ

เราตื่นมาพร้อมกับความสดชื่น ออกเดินเล่นในบริเวณโรงแรม และกินข้าวเช้าเราที่นี่เลย(มื้อนี้ฟรีครับ) จนสายเราจึงขยับออกเดินทางไป วัดพระธาตุลำปางหลวง  ที่นี่เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีฉลู เจดีย์ทรงล้านนา  อานาเขตกว้างขวางให้เราได้เดินชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมทางเหนือแบบโบราณจนเต็มอิ่ม และยังเป็นที่ประดิษฐาน พระแก้วดอนเต้า พระพุทธรูปแกะสลักจากหยกทั้งองค์ที่ชาวลำปางให้ความนับถือครับ


- จุดที่ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ -

ระยะทาง 50 กม.ขับรถแบบไม่เร่งรีบ มาถึง โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ตอนเลยเที่ยงนิดหน่อย เดินจากที่จอดรถเจอร้านอาหารเรียงกัน 2-3 ร้าน เราเดินเข้าร้านส้มตำ ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง อาหารทั่วไป แต่หาอร่อยยาก เราโชคดีร้านนี้อร่อยครับ


รถบรรทุกคันใหญ่โตเกินกว่าปรกติ หลุมที่กว้างและลึกกว่าที่ไหนๆ สวนดอกไม้ ต้นไม้ เข้าชมพิพิธภัณฑ์ ดูเด็กๆ ลไลด์ลงเนินหญ้า กราบอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 ชมทุ่งบัวตอง


- จุดที่ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน -

เดินทางต่อระยะทาง 90 กม. ผ่านป่า ภูเขา หมู่บ้าน ต้นไม้สีเขียว ร่มรื่นตลอดทาง ทำให้มีบทสนทนาใหม่ๆ ตลอด จนเราลืมเวลาที่นั่งในรถระหว่างเดินทางอันยาวนาน


เข้าสู่ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน มีค่าเข้าสถานที่คนละ 40 บาท ตรงไปบนบ้านพักตรวจสอบความเรียบร้อย ก่อนเปลี่ยนชุดเพื่อลงมาอาบน้ำแร่ ค่าบริการคนละ 50 บาท เปิดเวลา 7.00 น. – 17.00 น. ครั้งแรกที่ลงในบ่อน้ำแร่ร้อนและลงไปได้เพียงเข่า ขึ้นมาอาบน้ำเย็นและลงไปอีกครั้งดีขึ้น ทำสลับไปหลายๆ รอบก็กลายเป็นความอบอุ่น ผ่อนคลาย


ความเมื่อยล้าหายไป ร่างกายเบา สบาย เริ่มรู้สึกถึงความหนาวยามค่ำ เดินขึ้นไปที่ร้านอาหารเพื่อสั่งอาหารเย็น ที่นี่มีบริการส่งให้ถึงที่พัก กลับขึ้นไปรอที่บ้านพัก อาหารมาส่งพร้อมจาน ชาม ช้อม ส้อม จัดที่บริเวณระเบียงหน้าบ้านพัก กินข้าวท่ามกลางต้นไม้สูงใหญ่ มีเสียงแมลง เสียงลมผ่านกิ่งไม้ เสียงน้ำไหล


- เช้าวันใหม่ จุดที่ วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส -

ตั้งใจจะตื่นสายๆ แต่ร่างกายกลับลุกจากเตียงแต่เช้า สงสัยพลังงานเต็มจนไม่สามารถนอนต่อได้แล้ว ลงไปอาบน้ำแร่อีกครั้ง เราซื้อไข่จากร้านค้ามาต้มในบ่อน้ำแร่ด้านนอกได้ชื่อหรูๆ ว่า ไข่ออนเซ็น กินร่วมกับอาหารเช้าก่อนเดินทางต่อ
...
ผ่านหมู่บ้าน ทุ่งนา และต้นไม้ ขับตามเสียงบอกทางจากโทรศัพท์ที่เราไม่รู้จักว่าเป็นใครไปเรื่อยๆ เห็นเจดีย์สีขาวหลายองค์ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง วัดพระพุทธบาทสุทธาวาส แต่เราขับรถไปเองไม่ได้ ต้องไปที่วัดด้านล่างเพื่อจอดรถไว้ แล้วค่อยขึ้นรถโดยสารต่ออีกที ค่าเดินทางคนละ 100 บาทคิดเหมาไปและกลับ ระหว่างนั่งรถขึ้นไปทางแคบและสูงชันมาก จนรถจอดที่จุดสุดท้าย
...
ออกเดินเพื่อไปดูเจดีย์สีขาวบนยอดดอย เป็นการเดินขึ้นเขาในรอบหลายปี เส้นทางทำไว้ให้เดินได้สะดวกสบาย ระหว่างทางมีจุดแวะพัก รอยพระพุทธบาท พระพุทธรูปองค์สีดำ ฯลฯ เมื่อไปถึงจุดสูงสุดลืมความเหน็ดเหนื่อย ทึ่ง สวยงาม สุดยอด มหัศจรรย์ ...ไม่รู้สึกเสียดายเวลาและแรง กลับจะรู้สึกเสียใจถ้าไม่ได้ขึ้นมาแทน


ลำปางไม่หนาวมากแล้ว เพราะ อบอุ่นร่างกายจากการเดินขึ้นเขา การอาบน้ำแร่ การเดินชมความยิ่งใหญ่อลังการของเหมืองถ่านหิน การเดินชมศิลปกรรมโบราณแบบล้านนา อบอุ่นหัวใจที่มีคนมาด้วย ได้พบเจอผู้คนดีๆ ได้พบเจอเรื่องราวดีๆ ถ้ามีเวลาลองมาหาความอบอุ่นที่ลำปางแบบเราได้นะครับ

ปล. รูปภาพทั้งหมดถ่ายจากโทรศัพท์มือถือไม่ได้แต่ง สถานที่จริงสวยกว่ารูปภาพมาก และการเดินทางเราใช้วิธีเปิดแผนที่นำทางจากโทรศัพท์มือถือจึงไม่สามารถบอกทางโดยละเอียดได้ครับ

วันพุธที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2560

หนาวนี้ที่ น่าน ตามรอยคำขวัญจังหวัดน่าน


แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์
แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง

เราจะไปตามรอยคำขวัญนี้ ซึ่งเป็นของจังหวัดน่านครับ อยากเห็นงาช้างดำ ชื่นชมจิตรกรรมวัดภูมินทร์ และนมัสการพระธาตุแช่แห้งครับ

- นอนไหนดี -


ที่เราจะไปค้นหาข้อมูลแล้วอยู่อำเภอเมืองทั้งหมด เราจึงเลือกที่พักในเมืองชื่อเหนือๆ ว่า เฮือนข่วงน่าน เป็นโรงแรม 2 ชั้น ห้องพักไม่เยอะ ไม่วุ่นวาย ตกแต่งสวย สะอาด และมีที่จอดรถครับ


ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ Facebook: เฮือนข่วงน่าน


- ถึงแล้วกินข้าวไหน -

เราเดินทางไปน่านผ่านทางจังหวัดแพร่ ตรงเข้าอำเภอเวียงสา ทางเส้นนี้ขับง่ายมีช่วงข้ามเขา 80 กม. ไม่ถึงกับคดเคี้ยวและชันมาก เราไปถึงน่านบ่ายโมงกว่า เริ่มหาของกินก่อนตอนแรกตั้งใจจะไปกิน ข้าวซอยต้นน้ำ แต่วันที่เราไปร้านปิดปรับปรุง จึงไปที่ตลาดเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อ เตี๋ยวไร้เทียมทาน บะหมี่ทำเอง กระดูกเล้งชิ้นโตๆ นุ่มๆ เป็นอีกทางเลือกครับ


- จุดที่ เมืองงาช้างดำ จิตรกรรม วัดภูมินทร์ -

เอาของเก็บที่เฮือนข่วงน่านเรียบร้อย ก็ลุยกันเลยขับรถออกมาไม่ถึง 5 กม. จะเจอสี่แยกใหญ่ๆ ทั้งสี่มุมของสี่แยกเป็นที่ท่องเที่ยวทั้งหมดประกอบด้วย วัดภูมินทร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน วัดช้างค้ำวรวิหาร และวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ตอนเย็นจะมีถนนคนเดินด้วย จอดรถไว้ริมทางแล้วเดินชื่นชมศิลปะวัฒนธรรมของน่านได้เลยครับ


งาช้างดำ แสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เปิดเวลา 9.00 – 16.00 . หยุดวันจันทร์กับอังคาร ที่นี่มีอุโมงค์ลีลาวดีไว้ถ่ายรูปสวยๆ และอนุสาวรีย์พระยาสุริยพงษ์ผริตเดช มาถึงน่านแล้วต้องไปไหว้ท่านครับ


จิตรกรรมวัดภูมินทร์ แน่นอนว่าต้องอยู่ที่วัดภูมินทร์ เพียงเดินข้ามถนนจากพิพิธภัณฑ์ฯ ก็ถึงแล้ว ที่นี่เป็นวัดทรงจตุรมุข คือมีทางเข้าทั้งสี่ด้าน และพระประธานด้านในก็จะมีสี่รูปอยู่ตรงกลางห้องหันหน้าออกประตูทั้งสี่ด้านครับ ที่สำคัญภาพจิตรกรรมฝาผนังด้านในวิหารที่โด่งดัง ปู่ม่าน ย่าม่าน ที่ให้เราได้จินตนาการว่าปูม่านกระซิบบอกอะไรย่าม่านครับ


- ข้าวเย็นกินไหน -

เดินทางครั้งนี้สะดวกมากครับ จอดรถครั้งเดียวเดินเที่ยวได้ถึง 3 ที่ จนเย็นที่ถนนคนเดินแม่ค้าก็เริ่มตั้งแผงขายของ ลานหน้าวัดภูมินทร์มีขันโตกจัดวางไว้ เพื่อให้ซื้อของแล้วนั่งกินที่นี่ได้เลยเรียกว่า ข่วงเมือง เรากินข้าวเย็นกันที่นี่ครับ ของกินพื้นเมืองราคาย่อมเยา ลานขันโตกกลางแจ้ง ดนตรีพื้นเมืองเพราะๆ


- เช้าวันใหม่ จุดที่ เรืองรอง พระธาตุแช่แห้ง -

ตื่นมาตอนเช้าอากาศดีมากครับ เราออกไปกินข้าวเช้าที่ตลาดเหมือนเดิม ไม่รู้จะแนะนำร้านไหนดี เลือกได้ตามที่ชอบเลยครับ แล้วก็ได้เวลาไปนมัสการ พระธาตุแช่แห้ง ไปทางอำเภอแม่จริม ข้ามสะพานแม่น้ำน่าน 3 กม. ที่นี่เป็นวัดอารามหลวง และเป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีเถาะ มาถึงที่นี่แล้วลองอธิฐานเสี่ยงดวงยกช้างดูครับ คือให้อธิฐานครั้งแรกถ้าเป็นจริงขอให้ยกขึ้น และครั้งที่สองถ้าเป็นจริงให้ยกไม่ขึ้น ไม่น่าเชื่อว่ารูปหล่อช้างอันเดียวกันน้ำหนักจะไม่เท่ากันต้องมาลองดูครับ (เป็นความเชื่อส่วนตัวนะครับ)


- จุดที่ 3 ถนนคนเมือง -

ขากลับขับรถผ่านตัวเมืองน่านเลยวัดภูมินทร์  400 ม. ทางซ้ายจะมี ถนนคนเมือง และร้านขายของฝาก ที่น่านดังเรื่องเครื่องเงินครับ แวะหาซื้อของหรือนั่งพักก็มีร้านกาแฟให้พักผ่อนด้านหน้าครับ


- จุดที่ วัดพระธาตุเขาน้อย -

สุดท้ายก่อนกลับต้องไปที่ วัดพระธาตุเขาน้อย ออกจากตัวเมืองน่านไปทางที่เรามา 10 กม. ทางขึ้นชันหน่อย พอไปถึงจะเห็นวิวเมืองน่านทั้งเมือง และที่เป็นไฮไลท์เลยคือ พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ที่ยืนเฝ้าดูรักษาเมืองน่านอยู่ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกที่สวยมากครับ
...
ความรู้สึกกับ น่าน เป็นเมืองที่สงบ มีความเป็นเอกลักษณ์อยู่ในตัวเอง ทั้งผู้คน ทั้งงานสถาปัตนกรรมต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น ดอยเสมอดาว ปัว บ่อเกลือ อุทยานลำน้ำว้า ฯลฯ เราต้องหาโอกาสกลับมาที่นี่อีกให้ได้ครับ

ปล. รูปภาพทั้งหมดถ่ายจากโทรศัพท์มือถือไม่ได้แต่ง สถานที่จริงสวยกว่ารูปภาพมาก และการเดินทางเราใช้วิธีเปิดแผนที่นำทางจากโทรศัพท์มือถือจึงไม่สามารถบอกทางโดยละเอียดได้ครับ

วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560

หนาวนี้ที่ เชียงใหม่ จะพาไป แม่ริม


เชียงใหม่ จังหวัดที่ครบเครื่องในเรื่องท่องเที่ยว ไม่ว่าจะไปแบบผจญภัย ชมธรรมชาติ ศึกษาวัฒนธรรม เดินช็อปปิ้ง ชวนชิม หรือไม่เว้นแม้แต่แสงสี ซึ่งเยอะมากๆ แต่ถ้าคุณมีเวลาเพียงค้าง 1 คืน ! คุณจะไปไหน จะทำอะไร ... ลองไปที่ แม่ริม ไหมครับ


ที่พักมากมายนอนไหนดี -


เราเลือกที่ บ้านสวนเมญ่า เลยทางขึ้นม่อนแจ่มไปประมาณ 1 กิโลเมตร ช่วงทางเข้าแคบและชันประมาณ 400 เมตรจากทางหลัก มีห้องพักไม่เยอะทำให้ไม่วุ่นวาย แต่ห้องสวย วิวสวย บริการดีมากครับ


ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ Facebook: บ้านสวนเมญ่า Bann Suan MAYA


- จุดที่ 1 สวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ -

เดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ 30 กม. ผ่านร้านอาหารในลำธาร น้ำตก สวนสตอเบอรี่ ปางช้าง ฯลฯ อย่าพึ่งแวะนะครับ เราจะไปที่ สวนพฤษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ก่อนที่นี่มีค่าเข้าชม 60 บาทต่อคน ขับรถเข้าไปได้ ในนี้มีสถานที่สวยๆ เยอะมากทั้ง สะพานบนยอดไม้ สวนหลายๆ อย่างทั้งแบบกลางแจ้ง และเป็นเรือนกระจก เช่น สวนไม้น้ำ สวนไม้ดอก สวนพืชทนแล้ง สวนป่าชื้น พืชสมุนไพร กล้วยไม้ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ ศูนย์อาหาร และร้านขายผลิตภัณฑ์จากโครงการหลวงด้วยครับ


- เที่ยงแล้วนะกินอะไรดี -

เราใช้เวลาในการเดินชมสวน ถ่ายรูป ซื้อของ ที่สวนพฤกษศาสตร์ฯ นานพอสมควรเพราะจุดสวยๆ เยอะมากครับ จนบ่ายโมงกว่า เราจึงออกมาขับรถไปต่ออีก 2 กม. เพื่อไปร้าน โป่งแยงแอ่งดอย ที่นี่มีสวนสวยๆ ติดลำธารเล็กๆ ที่อีกฝั่งเป็นภูเขาเขียวๆ พนักงานบริการดี อาหารก็อร่อยครับ


- พลังงานหมดกลับที่พักและกินข้าวเย็น -

หลังจากกินข้าวเสร็จเราลงไปเดินถ่ายรูปที่สวนซักพัก ก็เดินทางอีก 2 กม. ไปที่บ้านสวนเมญ่า วันนี้หมดแรงแล้ว เราจึงพักเอาแรงก่อน พอมืดอากาศจะเย็นลงเรื่อยๆ เราสั่งหมูกะทะมานั่งกินที่ลานหน้าห้อง กินหมูย่างอุ่นๆ พูดคุย ชมวิวยามค่ำคืน ที่นี่นอกจากดาวบนท้องฟ้า ข้างล่างยังมีแสงไฟจากหมู่บ้านระยิบระยับเป็นกลุ่มๆ เนื่องจากชาวบ้านปลูกดอกไม้ในโดม ตอนกลางคืนเขาจะเปิดไฟให้ดอกไม้เพื่อจะได้โตไวๆ ครับ


- เช้าวันใหม่ จุดที่ ม่อนแจ่ม -

ตื่นมาตอนเช้าถึงจะหนาวแต่ก็สดชื่นครับ เราขับรถกลับไปอีก 10 กม. เพื่อไป ม่อนแจ่ม ทางค่อนข้างชัน เมื่อไปถึงที่จอดรถจะพบนักท่องเที่ยวอยู่ก่อนเยอะพอสมควร เราต้องเดินต่ออีก 200 ม. ด้านบนมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และที่พัก เราจะมองเห็นวิวภูเขาโดยรอบและตัวเมืองเชียงใหม่บางส่วน ตอนลงเราแวะซื้อของฝากจากร้านของช้าวบ้านมีทั้งของที่ระลึก เสื้อผ้า ผัก ผลไม้ ครับ


- จุดที่ 3 ไร่สตอเบอรี่ -

เรากลับไปกินข้าวเช้าที่บ้านสวนเมญ่า(มื้อนี้ฟรีครับ) ที่นี่เขาทำข้าวต้มปลาไว้รอแล้ว นั่งกินที่หน้าห้อง มีสายหมอกจางๆ เจ้าของที่นี่ เธอบอกว่าเคยทำงานด้านโรงแรมที่พัทยามาก่อน พอกลับมาที่บ้านจึงเริ่มทำบ้านสวนเมญ่า ทุกคนในครอบครัวช่วยกันทำครับ กินอิ่มเก็บของเสร็จก็ได้เวลากลับ เราแวะชมไร่สตอเบอรี่ที่ขับผ่านมา เราสะดุดตรงป้าย ใหญ่ที่สุด นี่แหล่ะครับ เดินชม ชิม ซื้อ สตอเบอรี่จากเจ้าของสวนโดยตรงครับ



- กินกลางลำธารก่อนกลับ -

สุดท้ายก่อนกลับยังเหลืออีกที่ เรามองไว้ตั้งแต่ตอนผ่านมาแล้วว่าขากลับต้องแวะให้ได้ คือ ร้านน้ำเหนือนั่งเล่น เป็นร้านอาหารอยู่ข้างทาง แต่ต่างจากร้านข้างทางปรกติ คือ โต๊ะอาหารอยู่บนแพในลำธาร ระหว่างกินข้าวเท้าก็แช่อยู่ในน้ำเย็นๆ เราแนะนำ ตำผลไม้ และหมกจิ้นส้มครับ เป็นการกินข้าวท่ามกลางธรรมชาติปิดท้ายครับ
...
เคยได้ยินมาว่า เวลาที่มีความสุขจะผ่านไปเร็ว คงเหมือนกับเราตอนมาที่แม่ริม ทำให้ไม่ทันไปอีกหลายที่ เช่น พระตำหนักดาราภิรมย์ น้ำตกแม่สา ปางช้าง ฟาร์มงู ฟาร์มผีเสื้อ ฯลฯ  แต่ก็เป็นการพักผ่อนชาร์ทพลังได้อย่างดีครับ ถ้าได้มาเชียงใหม่ลองแวะมาที่ แม่ริมดูนะครับ สำหรับเราต้องมีอีกครั้งแน่นอนครับ

ปล. รูปภาพทั้งหมดถ่ายจากโทรศัพท์มือถือไม่ได้แต่ง สถานที่จริงสวยกว่ารูปภาพมาก และการเดินทางเราใช้วิธีเปิดแผนที่นำทางจากโทรศัพท์มือถือจึงไม่สามารถบอกทางโดยละเอียดได้ครับ

บทความที่ได้รับความนิยม