วันเสาร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2561

1 ใน 10 วัดวิวสวยที่สุดในไทย วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์


ถนนเส้นนี้ทอดยาวจากอินทร์บุรีถึงวังทอง  สองข้างทางดอกคูนสีเหลืองอร่ามคอยรับลมร้อนในเดือนเมษายน ผู้คนเดินทางผ่านด้วยจุดประสงค์ต่างกัน บ้างกลับบ้าน บ้างทำธุระ บ้างท่องเที่ยว แต่น้อยคนจะแวะที่นี่ ที่ท่าตะโก ... ใช่แล้ว

"วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์"


จากป้ายบอกทางที่สะดุดตาทุกครั้งที่ขับผ่าน จนต้องค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ว่า ที่นี่เป็นวัดที่มีวิวสวยงามติด 10 อันดับแรกของบ้านเรา และยังเป็นวัดในพระองค์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยที่พระองค์ทรงโปรดเกล้ารับไว้เมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2550



หลังจากเดินทางไกลสองร้อยกว่ากิโลเมตรจากเมืองหลวง ตั้งแต่ตอนสายจนถึงเวลาเที่ยง ด้วยความตั้งใจ ครั้งนี้เราก็มาถึงที่นี่

เพียงเลี้ยวตามป้ายบอกทางเข้ามา เราก็มองเห็นวัดนี้อยู่บนเขาสูงได้อย่างชัดเจน ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงทางขึ้น มีลานจอดรถ อาคารต่างๆ บันได(เดาว่าเป็นทางขึ้น) ถนนไปต่อ(เดาว่าเป็นทางขึ้นอีกทาง) แต่ ! ไม่มีคน ? ระหว่างตัดสินใจจะเอาไงดีก็มีรถขับผ่านไปตามถนนแล้วหายลับไปตามโค้ง "ตามเขาไปดีกว่าเนาะ"

แล้วก็มาถึงลานจอดรถอีกครั้ง มีทางไปต่อ มีอาคาร มีบันได และเหมือนเดิมไม่มีคน ? แต่มีรถจอดอยู่ ค่อยๆ ขับไปจอดข้างๆ แล้วลงจากรถพร้อมกันสองคน บริเวณนี้มีหมู่ต้นไม้ใหญ่คอยบังแสงแดดยามเที่ยง ช่วยคลายความร้อนได้อย่างดี

มองขึ้นไปเห็นอาคารสีขาวทรงสี่เหลี่ยมสูง มีหน้าต่างเป็นกระจกล้อมรอบ ส่วนหลังคาเป็นยอดแหลมสูง รู้ภายหลังว่าคือ เจดีย์ศรีมหาราช เราเดินขึ้นบันไดตรงไปที่นั่น พบลานกว้าง มีพระพุทธรูป และอ่างบัวเรียงอยู่ ถึงจะยังไม่พบใครแต่ทั่วบริเวณไม่มีเศษใบไม้หรือเศษขยะเลย คิดว่าคงมีคนคอยดูแลอย่างดี ความเงียบค่อยคลายลง ได้ยินเสียงลม เสียงนก ชัดขึ้น มองเห็นความงามของ ทุ่งนา ต้นไม้ ดอกไม้ พระพุทธรูป และเจดีย์ ชัดขึ้น






บางครั้งความเงียบและความโดดเดี่ยวก็พาเราจินตนาการไปในทางที่น่ากลัวเกินไป เมื่อเราพิจารณาตามความเป็นจริง สิ่งที่เราปรุงแต่งขึ้นก็มลายหายไป

เมื่อหัวใจถูกเปิดเส้นทางก็ปรากฎ บันไดขึ้นชั้นต่อไปอยู่หลังเจดีย์ฯ มี พระภัควัมบดี พระพุทธรูปสีทองที่ไม่มีหู ตา จมูก ปาก ด้านหน้าและด้านหลัง เป็นปริศนาธรรมให้ครุ่นคิดว่าผู้สร้างแฝงแง่คิดใดไว้


เส้นทางยังไม่จบลง บันไดนาคราช ยาวสูงแบ่งป่าไม้เป็นสองฝั่งทอดสูงขึ้นสู่ยอดเขา แม้มองไม่เห็นปลายทาง พวกเรายังก้าวเดินต่อไป


ความเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลเริ่มมาทักทาย ความหิวมาตามเวลา ความกระหายตามมาติดๆ ที่แย่กว่านั้นน้ำยังคงอยู่ในรถไม่มีใครถือขึ้นมา หากมีเสียงความขุ่นเคืองขึ้นมา ความขัดแย้งคงปะทุขึ้นทันที

ยามพบเจออุปสรรค กำลังใจ คือสิ่งดีที่สุดที่ช่วยให้เราข้ามพ้นมัน หยุดรอเมื่ออีกคนเหนื่อยล้า มีรอยยิ้มให้กันเสมอ พูดคุยถึงเรื่องราวดีๆ มีจุดหมายที่แน่วแน่ สิ่งเหล่านี้นำพาเราขึ้นมาพบศาลาพักมี พระอุปคุต อยู่ด้านในทั้งฝั่งทางขึ้นและลง คงจะบอกเราว่ามาถึงครึ่งทางแล้ว เราคิดแบบนั้น



ไม่น่าเชื่อ ความเจ็บปวด หิว กระหาย จากไปโดยไม่ทันรู้ตัว ความเบิกบานเข้ามาแทนที่ บันไดแต่ละขั้นเหมือนสั้นลง เสาอโศกจำลอง สีชมพูสูง ปรากฎขึ้นในสายตา เราได้หยุดพักอีกครั้งและหันกลับไปมองเส้นทางที่เดินผ่านมา สายตาเปล่งประกาย รอยยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม



แล้วเราก็ผ่านบันไดสามร้อยกว่าขั้นมาจนได้ ประตูโทรณะ แสดงถึงบันไดขั้นสุดท้ายเปิดรอนักเดินทางเสมอ เมื่อผ่านขึ้นมาจะเห็นลานกว้างมีสัญลักษณ์หยินหยางอยู่ตรงกลาง เลยไปมีเจดีย์หินสีชมภู ที่จำลองแบบมาจากเจดีย์พุทธคยาตั้งตระหง่าน บนยอดเขาลูกนี้


ด้านใน เจดีย์ศรีพุทธคยา ยังมีด่านสุดท้ายให้เราได้พิชิตอีกสามชั้น เราค่อยๆ ซึมซับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในทุกย่างก้าว พระศรีอริยเมตไตรยศรีศากยสิงห์ ประจำอยู่ชั้นบนสุดของเจดีย์นี้ให้สักการะเป็นสิ่งสุดท้าย


ชั้นบนสุดนั้นยังมีระเบียงให้เราก้าวออกมาชื่นชมความงามของธรรมชาติได้ทั้งสี่ทิศ ยอดไม้เขียวลดหลั่นลงไปตามระดับภูเขา มีเจดีย์ ศาลา พระพุทธรูป โผล่พ้นเรือนยอดไม้บ้าง ไม่แปลกแยกแต่ดูกลมกลืน  สุดแนวป่าเป็นทุ่งนาเขียวกว้าง ทุกอย่างรวมกันเป็นภาพสวยที่ประทับอยู่ในใจเรา





ระหว่างเดินสำรวจบริเวณบนนั้น มีเสียงรถยนต์ดังใกล้เข้าเรื่อยๆ ไม่นานรถกระบะที่ต่อเติมหลังคามาอย่างดีก็พานักเดินทางขึ้นมาบนนี้ ! หันมองหน้ากันแล้วเสียงหัวเราะก็ตามมาทันที ได้รู้ว่ามีรถบริการพาขึ้นมาถึงบนนี้เมื่อเดินมาจนถึงแล้ว

เราไม่ได้รู้สึกไม่ดี กลับดีใจที่ได้เดินมาทีละก้าวอย่างตั้งใจ มีอุปสรรคให้เราได้ก้าวข้าม ได้สัมผัสความงามจากสิ่งต่างๆ ภายนอก และความงามได้เกิดขึ้นภายในใจ


ขากลับเรายังเลือกเดินลงเหมือนเดิม ทุกขั้นของบันไดไม่ได้น่ากลัวและสูงเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ทุกก้าวมีความทรงจำที่พึ่งเกิดขึ้นให้เราได้ทบทวนอีกครั้ง

อุปสรรคล้วนเกิดจากใจเรา กำลังใจ ทำให้รู้สึกไม่โดดเดี่ยว ทำให้กล้าเปิดตามองทุกอย่าง ทำให้คิด พิจารณาตามความเป็นจริง แล้วสิ่งที่เราสร้างเสริมเติมแต่งขึ้นก็จะหายไป คงเหลือเพียงการก้าวทีละก้าวจนถึงจุดหมาย เหมือนเช่น การมาที่ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ครั้งนี้

วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์

ที่ตั้ง ต.ทํานบ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์
โทรศัพท์ 084 728 3865
พิกัด https://goo.gl/maps/rYZy3mcBXTo

วันศุกร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2561

กินปู ดูปลา เดินป่า แหลมผักเบี้ย เพชรบุรี


แสงอาทิตย์ยามเที่ยงสาดเผาน้ำทะเลในแปลงนาจนเป็นไอระอุ บางแปลงคงเหลือแต่เกล็ดเกลือขาวสะท้อนแสงระยิบระยับ เป็นภาพที่เห็นได้ตลอดทางจากหัวหินไป แหลมผักเบี้ย

ใช่แล้ว เรากำลังเดินทางไปที่นั่น แต่ไปทำไม ?


- กั้งทอดกระเทียม



- หอยแคลงลวก



- ปูม้านึ่ง



- ปลากะพงทอดน้ำปลา



เราอาจไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร แต่เชื่อเราเถอะถ้าไม่ดี ไม่อร่อย เราไม่แนะนำ



ที่นี่ แพปลาชุมชน แหลมผักเบี้ย ไม่ใช่ร้านอาหาร "ออกเรือได้อะไรมาก็ขายไปตามนั้น จะซื้อเป็นๆ กลับไปก็ได้ แต่ถ้าจะกินที่นี่ ป้าก็ทำแบบที่ป้ากินให้" แม่ค้ารุ่นใหญ่พูดให้เราฟัง 
"ถ้าทำเป็นร้านอาหาร ต้องไปหาซื้อของจากที่อื่น เรามีแค่นี้ก็ขายแค่นี้ พอมีพอกินกันไป" เธอพูดต่อ

ชาวบ้านช่วยกันสร้างที่นี่ขึ้นมา เป็นที่ซ่อมเรือ เป็นที่ขาย กุ้ง หอย ปู ปลา โดยไม่ผ่านคนกลาง ทำให้เราได้ของสดราคาเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีการแปรรูปเป็น ปลาเค็ม กะปิ ฯลฯ และยังร่วมกันเพาะเลี้ยงสาหร่ายพวงองุ่นด้วย

"กับข้าวอร่อยทุกอย่างเลยป้า โดยเฉพาะปูกับกั้ง ชอบมาก" เราบอกป้า
"ใช่ คนชอบกินปูม้ามาก เมื่อก่อนนะ จับกันจนจะหมดทะเล ยังดีนะ ที่เริ่มทำ ธนาคารปู น้องๆ ถึงได้กินปูสดๆ แบบนี้"

ธนาคารปู ? 

เมื่อเราเอาปูจากทะเลมาหมดทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ ไม่เว้นแม้แม่ปูไข่ วันหนึ่งปูก็คงหมดทะเล แต่ถ้าเราเลือกที่จะเก็บแม่ปูไข่ไว้ ให้เขาปล่อยไข่ก่อน แล้วอนุบาลลูกปูให้แข็งแรง ก่อนส่งคืนกลับสู่ทะเลอีกครั้ง เราก็จะมีปูกินตลอดไป เป็นการให้และรับที่ยั่งยื่น

"ถ้าน้องๆ สนใจเรื่องพวกนี้ลองไปที่ โครงการแหลมผักเบี้ย สิ ไปต่ออีกนิดเดียว" ลุงอีกคนแนะนำ
"ไปมั้ย" ทุกคนพยักหน้าแทนคำตอบ


แสงอาทิตย์ยังคงร้อนแรงเหมือนเดิม รถจอดไว้ลานด้านหน้า เราเดินไปที่ประตูทางเข้า
"เชิญลงชื่อก่อนครับ" เจ้าหน้าที่เรียก
"รถจะออกทุกๆ ครึ่งชัวโมง ไปนั่งรอที่ใต้ตึกนั้นนะ" พี่เจ้าหน้าที่พูดต่อพร้อมชี้บอกทาง
เนื่องจากที่นี่กว้างมากจึงมีรถไว้พาชม เพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น




ระหว่างเดินไปใต้ตึก มีร้านค้าขายของอยู่ ของที่ระลึก เสื้อผ้า กระเป๋า สบู่ ครีมทาผิว ขนม ฯลฯ ของทั่วไปแต่ไม่ใช่แบบทั่วไป เป็นผลิตภัณฑ์จากชุมชนที่นี่และบางส่วนของจากโครงการพระราชดำริฯ เราได้ของติดมือออกมาคนละชิ้นสองชิ้น



"โครงการพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย เป็นการบำบัดน้ำเสียโดยใช้วิธีธรรมชาติ ก่อนปล่อยลงสู่ทะเล มีบ่อพักน้ำใหญ่ๆ แบบที่เราเห็นนี้ทั้งหมด 5 บ่อ ค่ะ" ไกด์สาวบนรถพูดแนะนำ

ลมเย็นพัดปะทะขณะนั่งบนรถช่วยคลายความร้อนได้บ้าง ผ่านบ่อน้ำใหญ่หลายบ่อจนถึงป่าโกงกาง


"ถึงแล้วค่ะ เส้นทางศึกษาธรรมชาติ รู้มั้ยคะ รากของต้นโกงกางที่เราเห็นอยู่นี้ มันช่วยเติมอากาศให้น้ำที่ไหลผ่านได้ ที่นี่จึงเป็นจุดสุดท้ายที่เราปล่อยน้ำผ่านก่อนที่จะไหลลงทะเลค่ะ" ไกด์สาวอธิบายเพิ่ม
"อีกครึ่งชั่วโมงรถคันต่อไปจะวนมารับนะคะ" เธอพูดก่อนรถเคลื่อนห่างออกไป






แปลก ! ความร้อนเหมือนถูกทิ้งไว้ภายนอก ตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามา แสงแดดถูกบังด้วยใบไม้เขียว บรรยากาศร่มรื่น เย็นสบาย ต้นไม้ทำหน้าที่ของเขาอย่างซื่อตรง ให้ร่มเงา ฟอกอากาศ เป็นบ้าน เป็นอาหารให้สัตว์ตัวเล็ก และอีกมากมาย ทุกอย่างกระทำโดยสม่ำเสมอ

"มัจฉาบาทา" ป้ายบอกข้างทาง

ยิ่งเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่ ยิ่งเห็นสิ่งมีชีวิตที่ต่างสายพันธ์จากเรามากขึ้น ปลาตีนเดินตามดินโคลนใต้ต้นโกงกาง ปูตัวเล็กๆ ผลุบโผลจากรู เสียงนกแว่วมาหลายสำเนียง สายตาเราคงแย่เกินไปจึงหาต้นเสียงเหล่านั้นไม่เจอ




"ฉันเกิดจากไข่พร้อมกับเพื่อนๆ อีกมากมาย แม่บอกว่าเธอถูกจับมาไว้ที่นี่จนเกิดพวกเราออกมา ฉันไม่รู้ว่าคือที่ไหน ฉันรู้สึกอึดอัด เพราะเรามีมากเกินที่จะอยูในที่แคบแบบนี้ แต่ก็เพียงไม่นาน มีบางอย่างแยกพวกเราออกจากกัน เราถูกทิ้งลงสู่ที่ใหม่ ที่ใหม่กว้างใหญ่ ฉันกับเพื่อนๆ พลัดหลงจากกัน หลายตัวถูกสิ่งอื่นที่ไม่เหมือนเรากินไป พวกมันไม่มีก้ามและเท้าเหมือนเรา ตัวใหญ่ รวดเร็ว ฉันหนีมาเรื่อยๆ จนถึงที่นี่ พวกมันตามขึ้นมาไม่ได้ ฉันได้เจอเพื่อนใหม่ที่โตกว่า เขาบอกว่าที่เห็นคือ ต้นไม้ ซึ่งมีอยู่มากจนฉันนับไม่ได้ ฉันปลอดภัย และเมื่อฉันโตขึ้น ฉันจะตามเพื่อนใหม่ลงไปที่เรียกว่า ทะเล อีกครั้ง"


ลมเย็นปะทะร่างเราขณะยู่บนรถอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เราเริ่มมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวมากขึ้น นกบินโฉบบนสระน้ำ ปลาแหวกว่ายอยู่ในนั้น มี...เออ..ตัวเงินตัวทอง จับปลาตัวใหญ่ขึ้นมาบนขอบสระ สระที่มีหน้าที่บำบัดน้ำเสียจากพวกเรา แต่กลับสะอาดจนมีชุมชนสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นที่นี่






บางครั้งไม่ต้องคิดค้นวิทยาการที่แปลกใหม่ ยุ่งยากใดๆ เลย เพียงเรารู้จักคืนสิ่งดีๆ ให้ธรรมชาติบ้าง เหมือนที่แหลมผักเบี้ยแห่งนี้กำลังทำอยู่ เขาก็จะคืนสิ่งดีๆ กลับมาให้เราอีกหลายเท่า

เป็นการให้และการรับที่ยั่งยื่น


แพปลาชุมชนแหลมผักเบี้ย
ที่ตั้งต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
โทรศัพท์ 080 250 2537
พิกัด https://goo.gl/maps/vtgrvKN4W3S2
เปิด 8.00 - 17.00 น. เฉพาะ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์


โครงการวิจัยพัฒนาสิ่งแวดล้อแหลมผักเบี้ย
ที่ตั้ง ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี
โทรศัพท์ 02 579 2116
พิกัด https://goo.gl/maps/jbPccRfNDP82

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2561

ศรีสะเกษ กราบหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา


เธอดูเหรียญพระในมือ
เธอจำไม่ได้แล้วว่าได้มาจากไหนหรือใครให้มา
เหรียญนี้ไม่เหมือนทั่วไป
รูปพระในเหรียญท่านนั่งยองๆ
เธอรู้จักหลวงพ่อคูณ แต่พระรูปนี้ไม่ใช่
นี่เป็นความฝันเมื่อนานมาแล้ว


25 ก.พ. 2561


7.00 น. เข้าร่วมขบวนขันหมากแต่เช้า เราเป็นแขกฝั่งเจ้าบ่าว ได้เปิดหูเปิดตากับพิธีการที่แตกต่าง ได้ร่วมกินข้าวพูดคุยกับญาติมิตร เป็นงานที่เรียบง่าย แต่เต็มเปี่ยมด้วยน้ำใจ พิธีการเสร็จตอนสายๆ แขกผู้มาไกลเริ่มขอตัวกลับรวมทั้งเรา


จำได้เธอเคยเล่าความฝันเรื่องหนึ่งให้ฟัง ซึ่งตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพระในเหรียญนั้นคือ หลวงปู่สรวง ยังมีเวลาอีกมาก เราไม่ได้รีบกลับ เธอหาข้อมูลมาแล้ว วัดไพรพัฒนา สถานที่เก็บร่างของท่าน


11.30 น. แล้วก็มาถึง วัดไพรพัฒนา เป็นการเดินทางมาด้วยความศรัทธา ระยะทาง 80 กม. ผ่านหมู่บ้าน สวน ไร่ นา และป่าเขา หน้าวัดบรรยากาศคึกคัก ฝั่งตรงข้ามวัดมีลานจอดรถ ร้านอาหารเรียงราย และตลาด เราเลี้ยวรถเข้าที่จอดรถตามเจ้าหน้าที่ชี้บอก

เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูวัด เราเห็นผู้คนมากมายแสดงถึงศรัทธาที่มีต่อหลวงปู่สรวงได้เป็นอย่างดี โบสถ์ วิหาร ศาลา กุฎิ ฯลฯ ถูกสร้างไว้อย่างงดงาม สอดแทรกไว้ด้วยคำสอนของหลวงปู่สรวงให้ศึกษา








ที่นี่มีพีธีเดินลอดร่างท่านในโลงแก้วเพื่อเป็นศิริมงคล เราเดินไปต่อคิวที่ยาวล้นมาจนถึงด้านนอกโบสถ์ เมื่อเสร็จแล้วเราเดินลงมาอ่านคำสอนของท่านและร่วมทำบุญ ใจนิ่ง สงบ อิ่มเอิบ








ที่นี่มีรถรับส่งจากวัดไปที่ตลาด เรานั่งวนจนมาถึงหน้าวัด ร้านอาหารเรียงรายหลากหลาย เราเลือกนั่งกินก๋วยจั๊บอุบล เธอมองเห็นป้ายยำไข่มดแดง จัดมาอีกหนึ่งพร้อมข้าวเหนียวร้อนๆ แซบมากครับ เป็นมื้อที่อิ่มหนำก่อนออกเดินทางไกลเพื่อกลับบ้าน








เราเดินทางกลับทางเดิม แปลกขามาไม่เห็นว่าผ่านทางไป ตลาดช่องจอม มีป้ายบอกเลี้ยวไปอีก 20 กม. แต่ต้องเดินทางอีกไกลจึงขับผ่านมา


คนที่เคยผ่านทางช่วงลำตะคองตอนเย็นจะรู้ว่ารถแน่นมาก ยิ่งวันนี้ฝนตกด้วย ติดเพิ่มเป็นสองเท่า เราจึงหาที่พักก่อน เพราะขับมาไกลและเริ่มหิวแล้วด้วย
เธอบอกว่า “เคยมาสวนเมืองพรเมื่อนานมาแล้ว อยากจะไปอีกครั้ง”
“ได้ครับ”


18.00 น. ถึง ร้านสวนเมืองพร เลี้ยวจากทางหลักมาไม่ไกล ทางเข้าถนนขรุขระหน่อย ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ วนไปเรื่อยๆ จนได้ที่จอดรถ ร้านเป็นบ้านไม้สวยแต่ก็มีแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลาบ้าง






เราเลือกนั่งด้านนอก พระอาทิตย์คล้อยต่ำลง มองออกไปเห็น อ่างเก็บน้ำขนาบด้วยเขาทั้งสองด้าน ผืนน้ำกว้างจรดแนวป่า แสงอ่อนๆ งดงาม


- น้ำพริกขี้กาและผักสด



- ปีกไก่ทอดไว้แกล้มน้ำพริก



- กุ้งผัดสะตอรสดีเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร




เราปล่อยเวลาทิ้งไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้สึกเสียดาย พระทิตย์ค่อยๆ ตก จนฟ้ามืด แล้วแสงไฟก็ถูกเปิดให้ความสว่างแทนที่ ผู้คนยัง กิน ดื่ม พูดคุย หัวเราะ เหมือนเดิม เราเพียงนั่งอยู่ในความสงบสังเกตุสิ่งต่างๆ รอบตัวที่เกิดขึ้น




ไฟยิ่งสว่างยิ่งเย้ายวนยั่วล้อให้แมลงออกจากป่ามาหามัน เราเริ่มรู้สึกเป็นส่วนเกินของธรรมชาติ จึงลาจากสถานที่แห่งนี้เพื่อเดินทางฝ่าสายฝนปรอยๆ เพื่อกลับสู่บ้านอีกครั้ง


วัดไพรพัฒนา
ที่ตั้ง ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
พิกัด https://maps.google.com/?cid=6728322785501595091&hl=th&gl=th


สวนเมืองพร
ที่ตั้ง ถ.มิตรภาพ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
โทรศัพท์ 081 266 1772
พิกัด https://maps.google.com/?cid=14845530709801044688&hl=th&gl=th
เปิดทุกวัน 8.00 - 21.00 น
.


วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561

จาก บุรีรัมย์ ไปสู่ สุรินทร์


24 ก.พ. 2561

8.00 น. ลาแล้ว แอทบาวบุรี ขอบคุณสำหรับพลังงานที่เต็มเปี่ยม ตามแผนเดิมเช้านี้เรามุ่งสู่ สนามช้างอารีน่า ตั้งใจฝากท้องที่ร้านอาหารในนั้น แต่ !
“ร้านเปิด 10.00 น. ค่ะ” ทำไงดีล่ะ ?
เราวนออกทางประตูข้างเจอร้านก๋วยเตี๋ยวและข้าวแกงพอดี ที่นี่แล้วกัน

- เกาเหลา ตอนเช้าซดน้ำซุปร้อนๆ รู้สึกดี



- แกงไก่ใส่ฟัก



- ปลาส้มทอด จานนี้เด็ดมาก




9.00 น. แล้วก็มาถึง ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต สนามแข่งรถที่ดีที่สุดของบ้านเรา ซึ่งปลายปีนี้จะมีงาน โมโตจีพี การแข่งขันมอเตอร์ไซด์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จะถูกจัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ณ สนามแห่งนี้ สำหรับผู้ชื่นชอบความเร็วนี่คืองานที่พลาดไม่ได้จริงๆ






เช้านี้ ที่นี่ เราได้ยินเสียงเครื่องยนต์แผดร้องกึกก้องทั่วสนาม น่าแปลกเราไม่รู้สึกรำคาญหรือหนวกหู แต่กลับขนลุกตื่นเต้นที่ได้เห็นมอเตอร์ไซด์รุ่นใหญ่หลายคันวิ่งผ่านด้วยความเร็วสูงลิบ ถึงจะเป็นแค่การซ้อมแต่ก็เป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับเรา(ไม่มีรูปมาฝากนะ เขาห้ามถ่ายรูปจ้า)


10.00 น. ถึง วนอุทยานเขากระโดง ออกจากสนามแข่งรถทางประตูด้านหลังแล้วขับรถมาซักพักก็ถึง เลี้ยวรถผ่านซุ้มประตู มีร้านขายของ ลานจอดรถ ที่นี่มีทางขึ้น 2 ทาง
1. เดินขึ้นบันได จำไม่ได้ว่ามีกี่ขั้นแต่สูงมาก


2. ทางสำหรับรถยนต์ (เราเลือกทางนี้) เป็นการขับรถวนทางเดียว ช่วงกลางทางจะมีสะพานแขวนทางขวา เราจอดรถทันที ตรงนี้คืออดีตปากปล่องภูเขาไฟ ด้วยกาลเวลาที่ยาวนานและมีการก่อสร้างเพิ่มเติมทำให้ความงามตามธรรมชาติลดลงไปบ้าง แต่วิวสะพานแขวนสูงๆ มักจะได้รูปสวยๆ เสมอ








ใช้เวลาไม่นานก็ไปต่อจนถึงจุดบนสุด เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นเมืองบุรีรัมย์เกือบทั้งหมด มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ให้กราบไหว้ มีร้านกาแฟให้นั่งพักผ่อนสำหรับผู้ที่เดินขึ้นมาทางบันได(ยิ่งมองจากข้างบนยิ่งสูง) มีผู้คนขึ้น-ลงทางบันไดเรื่อยๆ แสดงถึงกำลังศรัทธาของผู้คนที่นี่ได้ดี เราได้นั่งมองภาพเมืองทั้งหมดอีกครั้งก่อนเดินทางสู่ จ.สุรินทร์


13.00 น. แล้วก็เข้าสู่ สุรินทร์ จุดแรกคือ อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เราใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่า ถนนแถวนี้ถือว่าดี รถไม่เยอะ ทำให้ขับรถมาได้สบายๆ



สงสัยปลาส้มจะย่อยหมดแล้ว เราเพียงขับรถวนดูบนสันอ่างเก็บน้ำ สวย แต่ขอเลยไปกินข้าวก่อนนะ เราขับผ่านไปเรื่อยๆ จนถึงร้านสุดท้าย สวนอาหารชายน้ำ เป็นสวนน้ำจริงๆ มีซุ้มอยู่ในสระน้ำกว้างแยกเป็นหลังๆ นั่งได้เป็นส่วนตัว พนักงานพาไปซุ้มใกล้ๆ เราเลือกกับข้าว 3 อย่าง


- ส้มตำ มาถึงถิ่นจะไม่ขอชิมได้ไง แซบอีหลี



- ไก่ทอดสมุนไพร ไก่ชิ้นพอดีคำนุ่มกรอบ สมุนไพรกรอบๆ จัดมาหนักๆ



- น้ำพริกปลา เนื้อปลาต้ม พริก กระเทียม หอม ตำรวมใส่น้ำปลาร้าหน่อย กินกับผักสดผักต้มครบ





เป็นอาหารมื้อที่ประทับใจมาก อร่อยทุกอย่าง บรรยากาศดี มีความเงียบ สงบ ระหว่างนั่งกินมีฝูงปลาว่ายมาทักทายเรื่อยๆ ฟินมาก ! ที่นี่ยังมีที่พักด้วยนะ เป็นซุ้มติดน้ำสวยๆ (เสียดายตอนนี้กำลังปรับปรุง)







ท้องอิ่มแล้วก็ได้เวลากลับไปเก็บรูปที่ระลึก เป็นอ่างเก็บน้ำที่กว้าง มีเรือแจวลอยลำอยู่ช่วยให้มีการเคลื่อนไหว ที่บริเวณสวนมีร้านอาหารเรียงราย นักท่องเที่ยวจอดรถนั่งกินอยู่หลายกลุ่ม แดดแรงหน่อยแต่ก็ได้รูปสวยๆ มาจนพอใจ


15.00 น. ถึง ซแรย์ อทิตยา  การเดินทางช่วงนี้หลักๆ จะเป็นถนนผ่านหมู่บ้าน ต้องขับอย่างระมัดระวัง  พอไปถึงทางเข้าความรู้สึกแรกเลยคือ กว้างใหญ่มาก ต้องจอดรถดูแผนที่อีกครั้งก่อนขับรถเข้าไป




ซแรย์ แปลว่า นา แปลตรงตัวก็คือ นาของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ เป็นศูนย์เรียนรู้การเกษตรในพระดำริภายใต้การดูแลของ “โครงการเกษตรอทิตยา” รวมทั้งจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่สวยงามด้วย


เราขับรถผ่านแปลงผัก สวนดอกไม้ นาข้าว ขึ้นไปด้านบนก่อน ซึ่งเป็นร้านกาแฟและบ้านพัก(วันนี้เต็มแล้วจ้า) มีเจ้าหน้าที่ให้เราสอบถามข้อมูลต่างๆ นั่งพักซักครู่ แล้วค่อยเดินถ่ายรูปกับบ้านพักและสวนที่จัดไว้อย่างสวยงาม




ที่นี่มีสวนผลไม้ต่างๆ อยู่ด้านบนเลยจากบ้านพักไป แต่ช่วงนี้ยังไม่มีผลเราจึงลงไปที่ โรงเรียนชาวนา เป็นสถานีที่ให้ความรู้ตั้งแต่เริ่มคัดเมล็ดพันธ์จนถึงแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ แต่ก็ไม่ได้เป็นแบบวิชาการจ๋านะ เพราะจัดเป็นสถานีละเรื่องเรื่อยไปภายในสวนที่จัดไว้อย่างลงตัว ให้เดินชมได้อย่างเพลิดเพลิน








รู้สึกดีที่เห็นทั้งเด็กและผู้ใหญ่พากันมาเที่ยวชมที่นี่หลายหมู่คณะ ฟังจากสำเนียงพูดคุยแล้วมีทั้งจากใต้ เหนือ และคนพื้นที่ รู้สึกดีที่ยังมีคนมาศึกษาเรียนรู้การเกษตรที่ยั่งยืนแบบนี้


ออกจาก ซแรย์ อทิตยา แล้วขับรถเลยไปอีกหน่อยจะเป็น อ่างเก็บน้ำอำปึล ซึ่งที่ ห้วยเสนง ว่ากว้างแล้วที่นี่กว้างกว่า มีเรือพายหาปลา มีนกบินวนเหนือน้ำ พร้อมกับพระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำลง เป็นภาพที่ชวนมองเนิ่นนาน






เราขับไปเรื่อยๆ จนสุดทางเป็นร้านอาหารในสวน มีซุ้มยื่นไปในชายน้ำดูน่านั่ง มีเด็กๆ เล่นน้ำมีเสียงหัวเราะเจี้ยวจ้าว เราเพียงเดินชมบรรยากาศและถ่ายรูปซักพัก ก่อนเดินทางไปทำภาระกิจต่อ เป็นการไปแสดงความยินดีกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวจ้า


มาสุรินทร์ครั้งนี้ถึงไม่ได้ดูช้าง หาซื้อผ้าไหม หรือข้ามไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน แต่เราก็ประทับใจกับทุกสถานที่ ได้เห็นธรรมชาติ วิถีชีวิต โครงการเพื่อชุมชน เพื่อเกษตรกร เป็นความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นภายในใจวันนี้

ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต
ที่ตั้ง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
โทรศัพท์ 093 838 3331
พิกัด https://goo.gl/maps/F5EviZHcsR32

วนอุทยานเขากระโดง
ที่ตั้ง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
โทรศัพท์ 044 514 447
พิกัด https://goo.gl/maps/pk4e85nzR9y

อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง
ที่ตั้ง อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์
พิกัด https://goo.gl/maps/HMw9oQG2MLU2

สวนอาหารชายน้ำมินิรีสอร์ท
ที่ตั้ง .เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์
โทรศัพท์ 044 143 044
พิกัด https://goo.gl/maps/WdH6S3rKCRt
เปิดทุกวันเวลา 10.00-20.30

ซแรย์ อทิตยา
ที่ตั้ง ต.เทนมีย์ อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์
พิกัด https://maps.google.com/?cid=18209648042563462678&hl=th&gl=th

อ่างเก็บน้ำอำปึล
ที่ตั้ง ต.เทนมีย์ อ.เมืองสุรินทร์ จ.สุรินทร์
พิกัด https://goo.gl/maps/XTknbvsRwX82

บทความที่ได้รับความนิยม